3.6 โทษของน้ำตาล 110 อย่าง

โทษของน้ำตาล
1. กดการทำงานของภูมิต้านทาน
2. ทำลายสมดุลของเกลือแร่ต่างๆ
3. ทำให้สมาธิสั้น
4. ทำให้ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
5. ทำให้ความสามารถในการต้านทานเชื้อโรคลดลง
6. ทำให้ความยืดหยุ่นและการทำงานของเนื้อเยื่อต่างๆลดลง
7. ทำให้ระดับ HDL ลดลง
8. ทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุโครเมี่ยม
9. นำไปสู่การเป็นมะเร็งเต้านม รังไข่ ต่อมลูกหมาก ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย
10. ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารสูงขึ้น
11. ทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุ ทองแดง
12. รบกวนการดูดซึมของแคลเซียมและแมกนีเซียมที่ลำไส้
13. ทำให้สายตาแย่ลง
14. ทำให้ระดับของสารสื่อกลางในสมองบางตัว เช่น โดปามีน
เซโรโตนีน นอเอ็ฟปีเน็บฟริน สูงขึ้น
15.ทำให้เกิดระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia)
16. ทำให้ระบบทางเดินอาหารเป็นกรด
17. ทำให้เกิดการหลั่งแอดดรีนาลินอย่างรวดเร็วในเด็ก
18. ทำให้เกิดภาวะดูดซึมสารอาหารผิดปกติที่ลำไส้
19. ทำให้แก่เร็ว
20. นำไปสู่การเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
21. ทำให้ฟันผุ
22. ทำให้อ้วน
23. เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล
24. ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น
25. ทำให้เกิดข้อต่างๆ อักเสบ
26. ทำให้เกิดโรคหอบหืด
27. ทำให้เกิดโรคติดเชื้อราได้ง่าย
28. ทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี
29. ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
30. ทำให้เกิดไส้ติ่งอักเสบ
31. ทำให้โรค multiple sclerosis
32. ทำให้เกิดริดสีดวงทวาร
33. ทำให้เกิดเส้นเลือดขอด
34 อาจทำให้เกิดภาวะเบาหวานในคนที่ใช้ยาคุมกำเนิด
35. ทำให้เกิดโรคเหงือก
36. ทำให้กระดูกผุ
37. ทำให้น้ำลายเป็นกรด
38. ทำให้ร่างกายเกิดภาวะไม่ค่อยตอบสนองต่อฮอร์โมนอิซูลิน
39. ทำให้ glucose tolerance ลดลง
40. ทำให้ฮอร์โมนที่ทำให้เติบโต (growth hormone) ลดลง
41. ทำให้ระดับโคเลสเตอรอลสูงขึ้น
42. ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น
43. ทำให้เกิดอาการง่วงซึมในเด็ก เด็กที่กินหวานก็จะมีอาการซนสุดๆไปจนถึงง่วงซึมสุดๆได้
44. ทำให้เกิดปวดศีรษะไมเกรน
45. รบกวนการดูดซึมโปรตีนในทางเดินอาหาร
46. ทำให้เกิดภูมิแพ้
47. นำไปสู่การเป็นเบาหวาน
48. ทำให้เกิดภาวะการตั้งครรภ์เป็นพิษ
49. ทำให้เด็กเป็นโรคผิวหนังที่เรียกว่า เอ็กซีม่า (eczema)
50. ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
51. ทำให้เกิดความผิดปกติของ DNA ได้
52. สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโปรตีนได้
53. ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น โดยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของคอลลาเจน
54. ทำให้เป็นต้อกระจกได้
55. ทำให้เป็นโรคถุงลมโป่งพองได้
56. ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งตัวและหนาตัวได้
57. ทำให้ไขมันเลว LDL สูงได้
58. ทำให้เกิดอนุมูลอิสระในกระแสเลือดได้
59. ทำให้เอนไซม์ในร่างกายทำงานลดลงได้
60. สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงานของโปรตีนในร่างกายอย่างถาวรได้
61. ทำให้ตับโตโดยเกิดการแบ่งตัวของเซลล์ตับเพิ่มขึ้น
62. ทำให้ไขมันในตับเพิ่มขึ้น
63. ทำให้ขนาดของไตโตขึ้นและมีการทำลายไต
64. ทำลายตับอ่อน
65. ทำให้ร่างกายเกิดภาวะบวมน้ำได้
66. เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งที่ยับยั้งการเคลื่อนไหวของลำไส้
67. ทำให้สายตาสั้น
68. ทำให้เยื่อบุเส้นเลือดฝอยทำงานไม่ดี
69. ทำให้เส้นเอ็นไม่แข็งแรง
70. ทำให้ปวดศีรษะ
71.ทำให้ตับอ่อนหมดสภาพทำงานไม่ไหว
72 ทำให้ผลการเรียนของเด็กตกต่ำลง
73.ทำให้คลื่นสมองที่เรียกว่า เดลต้า อัลฟา เธตา เพิ่มสูงขึ้น
74. ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า
75. เพิ่มโอกาสที่จะเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
76. ทำให้อาหารไม่ย่อย
77. เพิ่มโอกาสที่จะเป็นโรคเก๊าท์
78.การกินน้ำตาลทำให้ระดับน้ำตาลกลูโดสเพิ่มสูงขึ้นในการทำ oral glucose tolerance test
เมื่อเปรียบเทียบกับการกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน
79. คนที่กินหวานมากจะทำให้เกิดภาวะต้านอินซูลิน insulin resistance ได้มากกว่าคนที่กินหวานน้อย
80. ทำให้เพิ่มการหมักหมมของแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่
81. ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของ albumin และ lipoprotein ลดลง ทำให้ร่างกายเกิดปัญหากับการจัดการไขมัน
และโคเลสเตอรอล
82. เพิ่มโอกาสเสี่ยงอย่างมากในการที่จะเป็นโรคลำไส้ใหญ่อักเสบ เป็นแผลเรื้อรัง (Crohn's disease)
83. ทำให้เกล็ดเลือดเกาะตัวกันเป็นก้อน
84. ทำให้ฮอร์โมนผิดปกติได้
86. ทำให้เกิดนิ่วในไตได้
86. ทำให้สมองส่วน hypothalamus ทำงานผิดปกติ
87. ทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ
88. ทำให้ฮอร์โมนอินซูลินในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและอาจนำไปสู่ภาวะ hyperinsulinemia
89. ทำให้ปัญหาการอุดตันของหลอดเลือดเล็กๆ ส่วนปลายที่เกิดจากเกล็ดเลือดเกาะตัวกันเป็นก้อน เพิ่มสูงขึ้น
90. ทำให้เกิดมะเร็งของท่อน้ำดีได้
91. ทำลายสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย
92 ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์แล้วทานหวานมาก มีโอกาสที่เมื่อคลอดทารกออกมาแล้วทารกจะมีน้ำหนักต่ำกว่ามาตราฐาน
93. ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์แล้วทานหวานมาก มีโอกาสที่จะคลอดก่อนกำหนดได้
94. ทำให้อาหารคลื่อนตัวผ่านทางเดินอาหารช้าลง
95. ทำให้น้ำดีเข้มข้นและเอนไซม์ของแบคทีเรียในลำไส้เข้มข้นเพิ่มโอกาสในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
96. ทำให้ fasting blood sugar สูงขึ้น
97. ทำลายเอนไซม์ phosphatase ทำให้การย่อยอาหารยากขึ้นทำให้เกิดอาการท้องอึดท้องเฟ้อปวดทัองได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่
98. เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเป็นมะเร็งถุงน้ำดี
99. เป็นสารเสพติด
100. น้ำตาลเป็นพิษได้เหมือนแอลกอฮอล์
101. ทำให้อาการไม่พึงประสงค์ต่างๆก่อนมีประจำเดือนเป็นมากขึ้น
102. กดการทำงานของเม็ดเลือดขาว พูดง่ายๆก็คือกดการทำงานของภูมิต้านทานนั่นเอง
103. ลดการกินหวานจะช่วยทำให้อารมณ์แปรปรวนลดลง
104. ถ้าเรากินคาร์โบไฮเดรตในรูปของของหวาน จะทำให้เกิดไขมันได้ 2-5 เท่าเมื่อเทียบกับเรากินคาร์โบไฮเดรตในรูปของคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวและธัญพืชต่างๆ
105. การดูดซึมอย่างรวดเร็วของน้ำตาลส่งเสริมให้คนอ้วนทั่วไปกินอาหารได้เพิ่มขึ้น
106. ทำให้อาการของเด็กสมาธิสั้นแย่ลง
107. ทำให้ระดับเกลือแร่ในปัสสาวะเปลี่ยนแปลง
108. ทำให้ความสามารถในการทำงานของต่อมหมวกไตลดลง(ทำให้ความสามารถในการทนต่อความเครียดลดลง)
109. ทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานที่ผิดปกติ และทำให้เกิดภาวะเสื่อมต่ออวัยวะต่างๆ
110. เป็นปัจจัยเสี่ยงอันหนึ่งในการทำให้เป็นมะเร็งปอด
ที่มา: หนังสือ ทำไมคุณถึงป่วย โดย นายแพทย์เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์